ตรวจร่างกายประจำปี: มีครบ แต่ เท้า หายไปไหน?

ตรวจร่างกายประจำปี: มีครบ แต่ เท้า หายไปไหน?
 
เมื่อพิจารณารายการตรวจในโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีของโรงพยาบาลชั้นนำทั่วไป จะพบรายการตรวจเลือด, ตรวจปัสสาวะ, เอกซเรย์ปอด, ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่แทบจะไม่มีโรงพยาบาลใดเลยที่บรรจุ การตรวจสุขภาพเท้า เป็นรายการพื้นฐาน นอกเสียจากว่าผู้ป่วยจะมีอาการผิดปกติและร้องขอการตรวจเฉพาะทางกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อโดยตรง
เปรียบเทียบ ฟัน กับ เท้า ในระบบประกันสุขภาพ
 
ความแตกต่างยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อมองไปที่สิทธิประโยชน์ในระบบประกันสุขภาพหลักของประเทศ:
สุขภาพช่องปาก
สิทธิประกันสังคม: มอบสิทธิในการทำฟัน เช่น ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และผ่าฟันคุด เป็นวงเงิน 900 บาทต่อปี โดยไม่ต้องสำรองจ่าย
สิทธิบัตรทอง (30 บาท): ครอบคลุมบริการทั้งการส่งเสริมป้องกัน (ตรวจสุขภาพช่องปาก, ทาฟลูออไรด์) และการรักษาพื้นฐาน (อุดฟัน, ถอนฟัน, ขูดหินปูน)
สุขภาพเท้า
สิทธิประกันสังคมและบัตรทอง: การรักษาจะครอบคลุมเมื่อเกิด โรค ขึ้นแล้ว เช่น การรักษาอาการบาดเจ็บ, เอ็นอักเสบ หรือการดูแลแผลที่เท้าในผู้ป่วยเบาหวาน ในส่วนของอุปกรณ์ช่วยเหลือ มีการครอบคลุมถึง เท้าเทียม สำหรับผู้พิการ แต่ไม่มีสิทธิประโยชน์ด้าน การตรวจคัดกรองสุขภาพเท้าประจำปี เพื่อป้องกันปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ สำหรับประชาชนทั่วไป
 
ทำไม ฟัน ถึงถูกให้ความสำคัญมากกว่า?
 
การที่สุขภาพช่องปากถูกบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ที่ชัดเจนและเข้าถึงง่ายกว่า มาจากหลายปัจลัยประกอบกัน:
ประวัติศาสตร์และนโยบายสาธารณสุข: ประเทศไทยมีการรณรงค์เรื่องทันตสุขภาพมาอย่างยาวนาน มีการปลูกฝังความรู้ตั้งแต่ในโรงเรียน ทำให้เกิดความตระหนักในวงกว้างถึงความสำคัญของการดูแลฟัน
ความเจ็บปวดที่ชัดเจน: ปัญหาในช่องปากอย่างฟันผุหรือเหงือกอักเสบ มักก่อให้เกิดความเจ็บปวดที่รุนแรงและเฉียบพลัน ทำให้คนต้องรีบไปพบแพทย์ ในขณะที่ปัญหาเท้าหลายอย่างมักมีอาการปวดแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้คนทนกับอาการจนเรื้อรัง
ผลกระทบต่อสุขภาพองค์รวม: มีงานวิจัยจำนวนมากที่ชี้ชัดว่าสุขภาพช่องปากที่ย่ำแย่ โดยเฉพาะโรคปริทันต์อักเสบ มีความเชื่อมโยงกับโรคทางระบบอื่นๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคเบาหวาน ทำให้การป้องกันโรคในช่องปากมีความสำคัญในระดับนโยบายสาธารณสุข
โครงสร้างบุคลากรทางการแพทย์: ประเทศไทยมีทันตแพทย์และทันตาภิบาลกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทำให้การเข้าถึงบริการเป็นไปได้ง่าย ในทางกลับกัน นักกายภาพบำบัดเฉพาะทางด้านเท้า หรือที่ในต่างประเทศเรียกว่า Podiatrist (นักบาทานามัย) ยังมีจำนวนน้อยมาก และไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง การดูแลสุขภาพเท้าส่วนใหญ่จึงอยู่ภายใต้การดูแลของศัลยแพทย์กระดูกและข้อ หรือแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ซึ่งมักเป็นการรักษาเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว
 
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะหันมาใส่ใจ รากฐาน ของร่างกาย?
 
การละเลยการตรวจสุขภาพเท้าประจำปี ถือเป็นช่องว่างสำคัญในระบบสาธารณสุขเชิงป้องกันของไทย การรอให้เกิดอาการเจ็บปวดหรือความผิดปกติรุนแรงแล้วจึงค่อยรักษา ไม่เพียงแต่ทำให้การรักษายากและซับซ้อนขึ้น แต่ยังหมายถึงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและคุณภาพชีวิตที่ลดลงของผู้ป่วย
เท้าคือรากฐานของร่างกาย การมีสุขภาพเท้าที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเดินและเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่ยังส่งผลต่อโครงสร้างร่างกายส่วนอื่นๆ เช่น เข่า, สะโพก และหลัง การตรวจคัดกรองปัญหาเท้าตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น ภาวะเท้าแบน, ลักษณะการลงน้ำหนักที่ผิดปกติ สามารถนำไปสู่การแก้ไขที่ง่ายดาย เช่น การแนะนำรองเท้าที่เหมาะสม หรือการใช้อุปกรณ์เสริมแผ่นรองในรองเท้า ซึ่งสามารถป้องกันปัญหาร้ายแรงในระยะยาวได้
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายคือการผลักดันให้ การตรวจสุขภาพเท้าเบื้องต้น โดยบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรม เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพประจำปี เช่นเดียวกับการตรวจวัดสายตาหรือการตรวจสุขภาพช่องปาก เพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก และลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคที่ซับซ้อนในอนาคต
ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณวางแผนตรวจสุขภาพประจำปี ลองถามตัวเองและตั้งคำถามกับระบบสาธารณสุขว่า ตรวจทุกอย่างแล้ว แล้วตรวจ เท้า แล้วหรือยัง? เพราะสุขภาพที่ดี ควรเริ่มต้นจากรากฐานที่มั่นคงอย่างแท้จริง


